หลังจากที่ผมผ่านการสอบ PMP ในปี 2009 นั้น ทำให้ผมนึกถึงเทคนิคที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลายเกี่ยวกับ sources of power หรือแหล่งที่มาของอำนาจ ซึ่งอำนาจในกรณีนี้ประกอบไปด้วย : อำนาจจากตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง (Ligitimate), อำนาจจากการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ (expert), อำนาจการให้รางวัลเป็นการตอบแทน (Reward), อำนาจในการลงโทษ (Punishment) และ อำนาจจากการอ้างอิง (Referent) ซึ่งอำนาจจากการอ้างอิง หมายถึงอำนาจที่เกิดขึ้นจากจากที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งมีคุณสมบัติหรือลักษณะประจำตน หรือมีความสำคัญทำให้ทุกคนยอมรับ และอำนาจจากการอ้างอิงนี้เกิดจากความนับถือ ความเชื่อถือ ในตัวบุคคลนั้นๆ ซึ่งการใช้อำนาจจากการอ้างอิง เป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอำนาจดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพของผู้บริหารโครงการแต่ละคนโดยเฉพาะ
ทฤษฏีนี้มาจากไหน ?
ทฤษฏีนี้มาจากนักจิตวิทยาที่ชื่อ จอนห์ อาร์ พี แฟรนซ์ (John R.P. French) และ เบิรทแรม ราแวน (Bertram Raven) ท่านได้เขียนหนังสือชื่อ Studies in Social Power ในปี 1959 ซึ่งได้กล่าวถึงอำนาจทางสังคมทั้งห้าอย่าง และคุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอินเตอร์เนตโดยค้นจากคำว่า French and Raven’s “Five Bases of Power” อย่างไรก็ดี มีบางบทความที่ได้สื่อความหมายของ อำนาจจากการอ้างอิง (referent power) อย่างน่าสนใจและเปรียบเทียบอำนาจนั้นได้กับ ความมีเสน่ห์ (charm & charisma).
ทำไมผู้บริหารโครงการควรจะมีเสน่ห์ (Charisma).?
อธิบายง่ายๆ คือ เราในฐานะที่เป็นผู้บริหารโครงการ มีการประพฤติ ปฏิบัติ กับทีมอย่างไร สิ่งนั้นจะส่งผลกระทบกับความคิดที่ทีมงานมีกับเราอย่างนั้น ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนที่ใส่ใจในทีมงาน แต่นั้นไม่ได้ให้ความมั่นใจว่าการสื่อสารกับทีมงานจะเป็นไปอย่างราบรื่น ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อาจจะส่งผลให้ทีมงานบางคนไม่สนใจคุณอีกต่อไป และเมื่อสิ่งที่ทีมงานคิดไว้กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจากการกระทำของคุณไม่ตรงกัน จะทำให้ไม่มีใครอยากจะบอกคุณถึงสิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับโครงการ
ลองคิดดูว่าถ้าตอนนี้คุณกำลังนั่งเขียนอีเมล์อยู่อย่างคร่ำเคร่ง แต่ทันใดนั้นกลับมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญแต่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่คุณทำอยู่ มาพบคุณโดยไม่มีการนัดหมายใดๆ เพื่อสอบถามคำถามต่างๆเกี่ยวกับงานโครงการนั้นๆ
คุณจะตอบเค้ากลับไปอย่างหมดความอดทนและยังคงตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์อีเมล์ต่อ ? หรือคุณจะเลือกที่จะหันหน้าไปทางเค้าแล้วถามเค้าว่า เป็นงัยมั่งครับ ? หรือคุณจะหันไปหาเค้าทั้งตัวแล้วบอกเค้าว่า ดีใจมากที่ได้พบเค้าพร้อมทั้งถามว่ามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ ทั้งนี้ ถ้าคุณเลือกที่จะใช้วิธีหลังสุด นั่นเป็นคำตอบได้ว่าคุณเลือกที่จะใช้วิธี “Focus Charisma” ด้วยการใส่ใจนี้ เป็นการเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
แล้วถ้าเราไม่ได้เป็นคนประเภทอบอุ่นมีเสน่ห์หล่ะ ?
โอลิเวียร์ ฟอกซ์ คาเบน (Olivia Fox Cabane) ผู้เขียนหนังสือ The Charisma Myth: How Anyone Can Master the Art and Science of Personal Magnetism เขียนไว้ในหนังสือของเธอว่า การที่จะมีเสน่ห์ (แบบ Charisma) นั้นสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผลดีต่อโครงการที่คุณทำอยู่
นอกจากนี้คุณโอลิเวียร์ได้อธิบายถึงสิ่งที่ทำให้เราไม่มีเสน่ห์ หรือ หมดเสน่ห์ อาทิเช่น อาการวิตกกังวลจะทำให้เราดูเป็นคนแข็งกระด้าง และเธอยังได้ยกตัวอย่างถึงวิธีการแก้ใขอุปสรรคดังกล่าวด้วยการเปลี่ยนความประพฤติหรือการกระทำเล็กๆน้อยๆ เช่น
– ลดน้ำเสียงของคุณลงเมื่อคุณพูดตอนใกล้ๆ จะจบประโยค
– ลดการพยักหน้าที่ดูแล้วเกิดความพอดี
– หยุดสักนิดก่อนที่จะพูด
อะไรที่เราสามารถเรียนรู้ได้อีก ?
หนังสือ “The Charisma Myth” มีหัวข้อที่น่าสนใจอีกหลายเรื่องเช่น Authority Charisma, Visionary Charisma, Focus Charisma, และ Kindness Charisma และยังมีแบบฝึกหัดที่สามารถนำไปฝีกด้วยตัวเองหรือในที่สาธารณะ พร้อมทั้งทิปส์และเทคนิคต่างๆ อาทิการควบคุมเสียง ท่าทางที่เหมาะสม หนังสือเล่มนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องทำงานหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ลองอ่านดูครับ
เมื่อคุณเรียนรู้การทำให้ตนเองมีเสน่ห์แล้ว
ผมขอแนะนำว่าคุณอาจจะจัดสอนสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ให้กับทีมงาน โดยการสอนในชั้นเรียน และอย่าลืมที่จะสอนแบบตัวต่อตัวเพื่อที่จะได้รับการนับถือและการให้ความร่วมมือจากทีมงานของคุณมากขึ้น และที่สำคัญมากๆคือ คุณต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ทีมงานของคุณเห็น (lead by example)
เกี่ยวกับผู้เขียน
เคลวิน เทเลอร์ (Kevin Taylor) เป็นผู้บริหารโครงการที่ได้รับ PMP และจบการศึกษาในสาขา Behavioral Sceince จาก San Jose State University เคยทำงานกับบริษัทต่างๆ ใน ซิลิคอน วัลเล่ย์มากว่า 17 ปี ซึ่ง 10 ปีหลังทำงานเป็นผู้สนับสนุนด้านกฏหมาย และสนับสนุนลูกค้า ที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการรวมถึง บริษัท Yahoo! และGoogle อีกด้วย 4 ปีที่ผ่านมาคุณเคลวินทำงานอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร
นอกจากนี้ยังจบการศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาการบริหารโครงการ ที่ University of Adelaide และได้รับประกาศนียบัตร Certified Scrum Master certificate และ Project Management certificate จาก UC Santa Cruz, California แต่กระนั้นยังมีสิ่งต่างๆที่ต้องเรียนรู้อีกมาก และยินดีรับทุกข้อติชม